มารู้จักประกันชีวิตรูปแบบใหม่ ยูนิเวอร์แซลไลฟ์ กัน

หากกล่าวถึง ประกันชีวิต ในรูปแบบใหม่ นั่นก็คือ ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) ฟังดูแล้วหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จัก และไม่คุ้นหู วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกันค่ะ

ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) เป็นแบบประกันที่มีความคุ้มครองระยะยาวเช่นเดียวกับแบบตลอดชีพโดยผู้เอาประกันสามารถเลือกความคุ้มครองและสามารถปรับเพิ่มลดทุนประกันชีวิตได้ตามความต้องการของผู้เอาประกันภัยหลักการของแบบประกัน Universal Life นั้นจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้เอาประกันภัยทั้งหมดว่าเราจ่ายเบี้ยประกันภัยมามีหักค่าใช้จ่ายในเรื่องอะไรบ้างเช่นค่าดำเนินการค่าดูแลรักษากรมธรรม์และส่วนที่สำคัญคือค่าการประกันภัย Cost Of Insurance (COI) จะขึ้นอยู่กับเพศและจำนวนความคุ้มครองชีวิตหากเราเลือกทุนความคุ้มครองที่สูงก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามไปด้วยและหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดเงินส่วนที่เหลือจะถูกนำไปลงทุนตามความเหมาะสมโดยบริษัทประกันจะเป็นฝ่ายตัดสินใจให้ทั้งหมดในเรื่องของการลงทุน ข้อดีของ ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ ก็คือ การตอบแทนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าแบบประกันแบบสะสมทรัพย์ โดยจะมีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ ที่ไม่มีความเสี่ยงที่ขาดทุนเมื่อผู้ทำประกันถือกรมธรรม์ไปจนครบสัญญาอีกทั้งสามารถถอนเงินจากมูลค่าเงินลงทุนที่มีอยู่ในกรมธรรม์ประกันได้ตลอดเวลาตามที่เราต้องการ โดยไม่ต้องรอครบกำหนดเหมือนกับแบบสะสมทรัพย์ อาจจะมีข้อแม้ที่การชำระเบี้ยเป็นรายงวดหรือแบบที่มีความคุ้มครองถึง 99ปี นอกจากนี้ลักษณะการจ่ายเบี้ยประกันยัง เป็นตัวกำหนดความคุ้มครองและทุนประกันเองได้ ข้อเสีย คือ สามารถถอนเงินจากมูลค่าเงินลงทุนที่มีอยู่ในกรมธรรม์ประกันได้ตลอดเวลาตามที่เราต้องการ โดยไม่ต้องรอครบกำหนดเหมือนกับแบบสะสมทรัพย์ อาจจะมีข้อแม้ที่การชำระเบี้ยเป็นรายงวดหรือแบบที่มีความคุ้มครองถึง 99 ปี

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ คิดว่า ประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) นี้น่าสนใจหรือตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตของเพื่อนๆกันหรือเปล่า หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจประกันชีวิต สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ https://www.kwilife.com/ ค่ะ

วิธีป้องกันและรักษา เพื่อบอกลาออฟฟิศซินโดรม

เชื่อว่าหนึ่งในอาการที่ใครหลายคนในวัยทำงานมักจะพบเจอกันเลยก็คือ อาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวในบริเวณต่างๆ ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นหนึ่งในกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมที่นิยมเป็นกันในปัจจุบันนั่นเอง ดังนั้นวันนี้เราจะพามาดูกับวิธีการป้องกันและรักษาเพื่อบอกลากับกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมเหล่านี้กัน

ออฟฟิศซินโดรม

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการป้องกัน และรักษา เรามาทำความรู้จักกับออฟฟิศซินโดรมกันเบื้องต้นก่อนดีกว่า ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ และเยื่อพังผืด มักเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมในอิริยาบทเดิมๆ ซ้ำๆ ต่อเนื่องกันหลายชั่วโมงเป็นเวลานาน เช่น การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ โดยไม่ลุก หรือเปลี่ยนท่าทางอิริยาบท, การขับรถระยะทางไกลติดต่อกันหลายชั่วโมง, หรือ การก้มเล่นโทรศัพท์ด้วยท่าทางเดิมเป็นเวลานาน เป็นต้น

วิธีการป้องกันออฟฟิศซินโดรม

ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่าออฟฟิศซินโดรมนั้นเกิดจากการที่ใช้งานกล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอาการออฟฟิศซินโดรมนั่นก็คือ การหมั่นขยับ ปรับเปลี่ยนท่าทางอิริยาบทอยู่เสมอ หากต้องนั่งทำงานเป็นระยะเวลานาน ควรให้ร่างกายและกล้ามเนื้อได้พักจากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน การขับรถ หรือแม้กระทั่งการนั่ง หรือการยืน

วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรม

สำหรับคนที่เข้าข่ายว่าตัวเองจะเป็นออฟฟิศซินโดรมสามารถรักษาดูแลตัวเองได้ด้วยการหมั่นออกกำลังกาย ทำกายบริหารอยู่เป็นประจำ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ แต่หากมีอาการออฟฟิศซินโดรมที่รุนแรงและเรื้อรัง อาจจะต้องมีการไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อตรวจทำการรักษาอีกครั้งหนึ่ง

หนึ่งในวิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่เราอยากแนะนำก็คือ การทำกายภาพบำบัด เนื่องจากว่าเป็นการรักษาที่ช่วยลดความเสี่ยงในอาจเกิดขึ้นกับตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากการผ่าตัด หรือความเสี่ยงด้านอวัยวะภายในจากการทานยา เป็นต้น แถมหากเราดูแลตัวเองอย่างดีหลังการรักษา ผลการรักษาก็ยังมีประสิทธิภาพที่ยาวนานอีกด้วย

ซึ่งการรักษาออฟฟิศซินโดรมจะมีประสิทธิภาพที่สุดก็ต่อเมื่อมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และทีมนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์คอยดูแลเรื่องการทำกายภาพบำบัดให้กับเรา

สนใจปรึกษา และดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยการทำกายภาพบำบัด ได้ที่ https://www.rehabcareclinic.com/

[Top]

4 วิธีเลือกประกันชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่าและคุ้มครองคุณ

ใครหลายคนที่กำลังมองหาประกันชีวิตไว้ ให้คุ้มครองชีวิตและเป็นหลักประกันที่มั่นคงให้ครอบครัว เรามีวิธีเลือกประกันชีวิตแบบคุ้มค่ามาฝากกันค่ะ เรียกได้ว่าอ่านจบปุ๊บ แทบจะตัดสินใจได้กันเลยทีเดียว มีวิธีไหนบ้างนั้นที่สามารถรู้ได้ว่าประกันชีวิตที่คุณสนใจนั้นคุ้มค่าและเหมาะกับคุณ มาดูไปพร้อมกันเลยค่ะ

1.บริษัทประกันก็มีความสำคัญ
บริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ ยิ่งหากมีเครือข่ายระดับโลก ย่อมมีความได้เปรียบหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของความน่าเชื่อถืออีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องมาตรฐานการเคลม การบริการ อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องการล้มละลาย และดูแลเราได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วยค่ะ

2.เช็ครีวิว ว่าเคลมง่าย ไม่ตุกติก
เรื่องการเคลมสินไหมเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนกังวลใจ ดังนั้นการเช็ครีวิวของผู้ใช้บริการเกี่ยวกับการเคลมค่าสินไหมของบริษัทประกันนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร สามารถเคลมได้ง่ายหรือไม่ เพราะหากบริษัทนั้นๆ มีเคสที่เกิดปัญหาน้อย แสดงว่าระบบการจัดการและความเที่ยงตรงของบริษัทมีประสิทธิภาพที่ดี เพื่อที่จะได้หมดกังวลเรื่องการเคลมสินไหมค่ะ

3.Service อย่ามองข้าม
ประกันภัยหลายบริษัทที่ก่อนที่เราซื้อกรมธรรม์ให้บริการดี แต่พอจ่ายเบี้ยครบแล้วมักจะติดต่อยาก การบริการหลังการขายเป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่วยตัดสินใจให้เลือกซื้อประกันได้คุ้มค่า เพราะเมื่อใดที่เกิดปัญหา โดยมีบริษัทประกันพร้อมให้บริการ ตอบคำถามข้อสงสัยได้เป็นอย่างดีและรวดเร็ว จะช่วยให้รู้สึกอุ่นใจได้มากทีเดียว เราจึงควรต้องเช็คเรื่องการบริการให้ดีค่ะ

4.เลือกบริษัทที่มีแผนประกันและเบี้ยประกันที่หลากหลาย
เพราะความต้องการและของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน จึงทำให้การเลือกทำประกันแบบไหนดี ต้องดูทั้งความต้องการและสภาพคล่องทางการเงินของแต่ละคนร่วมด้วย บริษัทประกันที่มีแผนประกันและเบี้ยที่หลากหลายมารองรับ เพื่อตอบโจทย์ทั้งความต้องการและสภาพคล่องทางการเงินของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่น่าสนใจในการตัดสินใจเลือกทำประกันชีวิตค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับเทคนิคการเลือกประกันชีวิตเชื่อว่า บทความนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังจะทำประกันชีวิตหรือต่อประกันชีวิต ซึ่งการทำประกันชีวิตนี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ตัวเราเอง จึงต้องศึกษารายละเอียดและรอบคอบมากเป็นพิเศษ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเราเองและผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันนะคะ หากสงสัยหรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ขอแนะนำ KWI คิงไว ประกันชีวิต ที่เปลี่ยนประกันชีวิตให้ง่ายสำหรับคุณค่ะ

[Top]

สาเหตุที่ต้องเลือกติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียให้กับบ้านของเรา

หลายคนเคยสงสัยไหมว่าการติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียภายในบ้านเรือน เป็นสิ่งที่จำเป็นหรือไม่ หรือทำไมบ้านเรือนของเราต้องติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะพามาดูกันว่าสาเหตุที่ต้องเลือกติดตั้ง ถังบำบัดน้ำเสีย ให้กับบ้านเรือนของเรานั้นมีอะไรบ้าง

การติดตั้งถังบำบัดน้ำเสีย

โดยทั่วไปแล้วเรามักจะเห็นการติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียกับโรงงาน อาคาร หมู่บ้าน สำนักงานต่างๆ ที่มีการใช้น้ำในปริมาณมากๆ เนื่องจากว่าเป็นการติดตั้งที่คุ้มค่ากับราคาค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ อีกทั้งถังบำบัดน้ำเสียก็ยังอำนวยความสะดวกได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยจัดการเรื่องของระบบสาธารณูปโภคให้กับสถานที่ต่างๆ และนอกจากถังบำบัดน้ำเสียจะสามารถติดตั้งได้ตามที่ใหญ่ๆ ที่มีผู้คนใช้น้ำในปริมาณมากแล้ว ยังสามารถติดตั้งในบ้านเรือนทั่วไปได้เช่นเดียวกัน

การติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียในบ้านเรือน

การติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียในบ้านเรือนนั้นก็สามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้ไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดการระบบสาธารณูปโภคภายในบ้านเรือนของตนเอง และยังช่วยจัดการระบบสาธารณูปโภคให้กับชุมชนหรือบ้านใกล้เรือนเคียงอีกด้วย โดยสาเหตุที่ต้องเลือกติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียให้กับบ้านเรือนของเรานั้น มีดังต่อไปนี้

  • ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องน้ำในบ้านเรือน เช่น ท่อน้ำไม่ส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
  • ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับชุมชน เช่น น้ำเสียที่ปล่อยจากบ้านเรือนของเรามีคุณภาพที่ดีกว่าน้ำเสียโดยทั่วไป, ลดการเกิดมลภาวะทางน้ำ, ช่วยให้ชุมชนน่าอยู่อาศัย, และ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายตัวเองและคนรอบข้าง
  • น้ำที่ถูกปล่อยไปสามารถนำไปใช้ในทางภาคเกษตรได้
  • ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น มีสัตว์เข้ามารบกวนภายในบ้านผ่านทางท่อระบายน้ำ หรือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดเหตุการณ์ท่อระบายน้ำตันได้

สาเหตุที่ต้องเลือกติดตั้งถังบำบัดน้ำเสียในบ้านเรือนที่เรายกมาฝากกันในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แท้จริงแล้วถังบำบัดน้ำเสียยังสามารถช่วยหรืออำนวยความสะดวกให้กับบ้านเรือนและระแวกบ้านของเราได้อีกมากมาย หากสนใจข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ https://www.dos.co.th/

[Top]

มาทำความรู้จักกับ ประกันชีวิต ประกันที่เป็นมากกว่าการคุ้มครองชีวิตกัน

ประกันชีวิต คือ สินค้าการเงินชนิดหนึ่ง ที่เป็นสัญญาระหว่างบริษัทประกัน (ผู้รับประกัน) กับผู้สมัครทำประกัน (ผู้เอาประกัน) ว่าบริษัทประกันจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งตามสัญญาเมื่อเกิดเหตุที่ระบุในสัญญาขึ้นในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตหรือมีชีวิตอยู่จนครบตามสัญญา ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนเงินได้หลากหลาย ทั้งเรื่องของการบริหารความเสี่ยง วางแผนการเก็บออม ช่วยลดหย่อนภาษี หรือวางแผนมรดกได้


ประกันชีวิต สามารถเข้าใจได้ง่ายๆว่า เป็นการซื้อการดูแลให้กับตัวเองล่วงหน้า สำหรับอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้นที่ อาจทำให้เสียชีวิต พิการ หรือเสียอวัยวะใดๆไป หรือแม้แต่ยามแก่ชราที่เสียรายได้ไป ช่วยให้เราบริหารจัดการเงินได้ดีขึ้น เพราะเราจะมีวงเงินของประกันชีวิต ที่เข้ามาจ่ายให้เราตามที่ทำประกันไว้ หากเราเสียชีวิตไป ครอบครัวหรือผู้รับผลประโยชน์จะมีเงินก้อนมากพอ ที่จะตั้งหลัก โดยประกันชีวิต มี ถึง 4 รูปแบบ ดังต่อไปนี้


1.ประกันชีวิต แบบชั่วระยะเวลา
– ประกันในลักษณะนี้ เป็นการจ่ายประกันในลักษณะเบี้ยจ่ายทิ้ง คือจ่ายแค่เฉพาะส่วนความคุ้มครองเท่านั้น หากครบกำหนด เราไม่เป็นอะไร ก็จะเสียประกันไปฟรีๆ


2.ประกันชีวิต แบบตลอดชีพ
– ประกันชีวิตแบบนี้ เป็นการจ่ายเบี้ยประกันในชั่วระยะเวลาหนึ่ง อาจจะเป็น 10 ปี 20 ปี แต่คุ้มครองเราไปตลอดทั้งชีวิต เมื่อเราอายุครบกำหนดที่ระบุเอาไว้ เราก็จะได้ ทุนประกันกลับคืนมา ประกันแบบนี้แม้จะแพวกว่า พวก ประกันชีวิตแบบชั่วะยะเวลา แต่ยังถือว่ามีเบี้ยประกันที่ถูก


3.ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
– การจ่ายเบี้ยประกัน แล้วได้ รับเงินคืนมากกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไป แม้จะมีราคาเบี้ยประกันที่แพง แต่ ประกันชีวิตแบบนี้ ได้รับความนิยมมากที่สุด


4.ประกันชีวิต แบบบำนาญ
– ประกันชีวิตแบบนี้ เราจะจ่ายเบี้ยประกันจนถึงอายุ 50-60 ปีเท่านั้น หลังจากอายุครบ เราจะได้เงินคืนมาในทุกๆปี แม้ผลตอบแทนจะไม่ได้เยอะแต่ก็สามารถช่วยให้เราบริหารเงินยามเกษียณได้เป็นอย่างดี


พอจะเข้าใจกันบ้างไหมคะว่า ประกันชีวิตคืออะไร แล้วลองดูนะคะว่าตัวเรานั้นเหมาะสมกับประชีวิตแบบไหน ซึ่งเชื่อว่าการทำประกันชีวิตจะไม่มีสูญเปล่าอย่างแน่นอน หากผู้ผ่านท่านใดมีความสนใจอยากที่จะเริ่มทำประกันชีวิตละก็ ขอแนะนำประกันชีวิตจาก คิง ไว ประกันชีวิต ที่จะเปลี่ยนการทำประกันชีวิตให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ สอบถามข้อมูลหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kwilife.com/

[Top]