เทคนิคเลือกซื้อประกันรถยนต์อย่างไรให้คุ้มค่า
ประกันรถยนต์ ถือเป็นแผนประกันประเภทหนึ่งที่ให้ความคุ้มครองกับผู้ขับขี่รถยนต์และเจ้าของรถยนต์ ซึ่งเป็นแบบประกันรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากแผนประกันภาคปกติ ซึ่งแผนประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ มีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ ชั้น 1, 2 และ 3 ส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะเลือกประกันชั้นที่ 1 และชั้นที่ 3 เนื่องจากความคุ้มครองที่เหมาะสมกับรถยนต์ที่เรามี โดยแต่ละแบบก็มีความคุ้มค่าที่แตกต่างกันไป แบบไหนบ้างที่เหมาะกับเราบ้าง วันนี้จะมาลองเปรียบเทียบกันดูครับ
แผนประกันชั้นที่ 1 แผนประกันรถยนต์ที่เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป ที่มองหาความคุ้มครองที่รอบด้านตั้งแต่ การคุ้มครองรถของเรา ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เราไปขับรถชน คู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณี และกรณีรถสูญหาย ถูกโจรกรรม รวมถึงกรณีไฟไหม้ การคุ้มครองตัวของเจ้าของรถยนต์ ได้แก่ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาล และเงินค่าประกันตัว การคุ้มครองคนอื่นๆ ในกรณีเสียชีวิต และการบาดเจ็บของคู่กรณี
แผนประกันชั้นที่ 2 แผนประกันรถยนต์สำหรับบุคคลทั่วไป ที่มองว่า ประกันกลางๆระหว่างชั้น 1 และชั้น 3 แผนประกันที่เน้นการคุ้มครองรถของเราเพียงแค่ กรณีรถสูญหายหรือถูกโจรกรรม และกรณีรถไฟไหม้ แต่คว่มคุ้มครองในส่วนของตัวของเจ้าของรถยนต์และคนอื่นๆ ยังคงเทียบเท่าแผนประกันชั้น 1
แผนประกันชั้นที่ 3 แผนประกันรถยนต์สำหรับคนที่ไม่ต้องการอะไรมากนัก ซึ่งส่วนใหญ่ความคุ้มครองของแผนประกันรถยนต์ชั้น 3 จะเน้นเพียงแค่การให้ความคุ้มครองกับตัวของเจ้าของรถยนต์และคนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่ของเราเท่านั้น
เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้หลายคนได้เห็นถึงความแตกต่างของประกันรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง และหากใครที่กำลังมองหาแผนประกันรถยนต์ เราขอแนะนำ ประกันรถยนต์ AIG แผนประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองที่ครบครันสำหรับรถยนต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแบบไหนก็ตาม คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ และหลักทรัพย์ในการประกันตัว ทั้งยังครอบคลุมความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลที่สาม
โรงเรียน3ภาษาทางเลือกของคนอยากเก่งภาษา
สมัยนี้ไม่รู้ภาษาไม่ได้แล้วนะ พื้นฐานที่เราเรียนกันมาตั้งเเต่อนุบาลก็คือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ยิ่งในตอนนี้ใครเก่งภาษายิ่งได้เปรียบเเละเป็นที่ต้องการมาก เพราะชาวต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจกับประเทศไทยเยอะมาก เเละสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ เช่น เเอร์โฮสเตส ไกด์ นักแปล ล่าม ครูสอนภาษา เเละอื่นๆอีกมากมายที่ต้องใช้ภาษาในการทำงาน วันนี้จึงจะมาเเนะนำข้อดีของโรงเรียนสามภาษาให้สำหรับคนที่อยากเก่งภาษากันค่ะ
โรงเรียนสามภาษา
หลักสูตรสามภาษา เป็นโรงเรียนที่เน้นการเรียนหลักสูตรสามภาษา ไทย-จีน อังกฤษ นักเรียนจะได้เรียนรู้การใช้ภาษาทั้งการพูด ฟัง อ่านเขียน ไปตามธรรมชาติ เน้นการสื่อสารกับต่างชาติ เป็นการปูพื้นฐานภาษาที่สองและภาษาที่สามให้เด็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษและภาษาจีน ซึ่งหากเด็กๆ มีความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาทั้ง 3 นี้ หลายคนเชื่อว่าจะทำให้เด็กๆ มีโอกาสในชีวิตมากขึ้นและพัฒนาได้เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพ
ข้อดีของการเรียนโรงเรียนนานาชาติสามภาษา
- ทำให้เราฉลาดขึ้นกว่าเดิม การเรียนรู้ภาษาใหม่ ทำให้สมองเราได้ทำงานและแก้ไขปัญหา ทั้งการเรียนรู้จดจำ การแปลความหมาย รูปแบบประโยคที่ต่างกัน ทำให้นักเรียนที่รู้หลายภาษามีโอกาสทำคะแนนในวิชาอื่นๆดีกว่านักเรียนที่รู้เพียงภาษาเดียวด้วย
- ช่วยในการทำงานหลายๆอย่างพร้อมกัน คนที่สามารถเรียนรู้หลายภาษา จะมีความสามารถในการทำงานได้พร้อมกัน รวมถึงสามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ต่างๆรอบตัวได้อย่างดี เป็นผลจากการฝึกเรียนรู้การพูด ฟัง เขียน ในรูปแบบที่ต่างกันนั่นเอง ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคอัลไซเมอร์
- เพิ่มความจำ การศึกษาพบว่าการใช้งานสมองเรียนภาษาใหม่ จะทำให้เกิดการจดจำบ่อยๆ สามารถช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บความทรงจำให้เราได้มากขึ้น เช่นเดียวกับฝึกวิดพื้นบ่อยๆแล้วแขน หรือร่างกายช่วงบนจะแข็งแรงขึ้นนั่นเอง
- เสริมความสามารถ ในการรับรู้แยกแยะข้อมูล มหาวิทยาลัยในสเปน พบว่าการเรียนรู้หลายภาษา ช่วยให้เรามีความสามารถในการแยกแยะข้อมูล กลั่นกรองถึงความถูกต้อง
เมื่อรู้อย่างนี้จะมองข้ามไม่ได้เลยเรื่องภาษาที่สาม มีพื้นฐานตั้งแต่ยังเด็กสามารถนำไปต่อยอดในอนาคตต่อได้ด้วย สำหรับผู้ปกครองท่านไหนที่กำลังมองหาโรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพ เราขอแนะนำ TCIS โรงเรียนนานาชาติ 3 ภาษา ไทย-จีนและอังกฤษ แถวบางนา ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจาก WASC สถาบันรับรองมาตรฐานการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา เปิดสอนตั้งแต่อายุ 2 ปีขึ้นไป – ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Thai-Chinese International School
[Top]