ทำจมูกมา ห้ามทำสิ่งเหล่านี้ ไม่งั้นพัง
การศัลยกรรมเสริมจมูก เชื่อได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการศัลยกรรมยอดฮิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งในบางครั้งหลายคนที่ทำจมูกมา อาจจะมองข้ามข้อห้ามต่างๆที่ไม่ควรทำหลังการเสริมจมูก ไม่งั้นจากการที่รอความสวยปัง จะกลายเป็นความพังแทน มาดูกันดีกว่าว่ามีข้อห้ามอะไรบ้าง
ข้อห้ามมีดังต่อไปนี้
-ห้ามบิด แคะ แกะเกา จมูก แม้จะเพิ่งทำมาหลายคนอาจคิดว่าซิลิโคนนั้นนิ่ม ลองบิดบ้างคงไม่เป็นไร แต่รู้ไหมว่าเป็นสิ่งที่คนคิดผิดมาตลอด ยิ่งในช่วง 3 เดือนแรกหลังทำการเสริมจมูก ไม่ควรกระแทก บิด หรือโดนบริเวณที่เสริมมาแรงๆและถึงแม้ว่าแผลจะหายดีแล้วก็ไม่ควรไปบิด ดึง แคะจมูกที่เสริมมา เพราะอาจทำให้เกิดการบิดเอียงได้
-ในช่วง 1 เดือนแรกที่เราทำการเสริมจมูกควรจะงดเรื่องของการเสริมความงามหรือการเพิ่มความสวยให้กับผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำทรีทเมนท์ การกดสิว การเลเซอร์ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดการอักเสบและมีผลข้างเคียงตามมาได้
-เรื่องของการนอน หลายคนอาจมองข้ามเรื่องนี้ไป โดยหลังการทำจมูกมานั้น ในช่วง 1-2 อาทิตย์แรก ไม่ควรนอนตะแคง ท่านอนที่เหมาะสมคือการนอนหงาย และยกหัวขึ้นเพื่อช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือดไม่ให้เกิดอาการบวม และเป็นการป้องกันการเคลื่อนไหวของวัสดุที่นำมาเสริมจมูก
-อีกสิ่งหนึ่งที่ควรระวังนั่นก็คือ เรื่องของการสั่งน้ำมูก ใครที่ชอบสั่งน้ำมูกแรงๆหากมีการเสริมจมูกมาโดยเฉพาะในช่วงแรกที่มีการเสริมจมูกมานั้น การสั่งน้ำมูกแรงๆอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือวัสดุที่เสริมเคลื่อนได้นอกจากนี้น้ำมูกยังอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้อีกด้วย ใครที่เสริมจมูกมาใหม่ๆจึงต้องระวังเป็นพิเศษ
จะเห็นได้ว่าหลังการเสริมจมูกนั้น การดูแลไม่ได้ยุ่งยากเป็นพิเศษเท่าไหร่นักเพียงแต่ต้องระวังเรื่องของการกระแทกหรือการทำให้จมูกที่เราทำมาเคลื่อน เพื่อให้ผลลัพธ์ของการเสริมจมูกออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด แพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะของอิสสวีร์คลินิก ด้วยประสบการณ์การผ่าตัดที่มากกว่า 2,000 เคส คุณหมอสามารถวิเคราะห์รูปหน้าในแต่ละคนได้ว่าเหมาะสมกับการเสริมจมูกแบบไหน ที่เหมาะสมกับรูปหน้า รวมไปถึงการใช้เทคนิคเฉพาะ ในการเหลาซิลิโคนใหม่ทุกเคส เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม
รู้ไหมว่าประกันชีวิต มีดีมากกว่าการคุ้มครองชีวิต
หากกล่าวถึงประกันชีวิตหลายคนก็คงเข้าใจว่าประกันชีวิต ก็คือการคุ้มครองชีวิตกรณีเสียชีวิต แต่รู้กันไหมว่า จริงแล้วประกันชีวิตนั้นให้เราได้มากกว่าการคุ้มครองชีวิตอีก อยากรู้ไหมว่าประกันชีวิตให้อะไรเราได้บ้าง ไปดูกันเลย
1.ประกันชีวิตให้ประโยชน์ด้านทางการเงิน
การทำประกันชีวิต เปรียบได้กับการลงทุนในรูปแบบหนึ่ง ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ได้ผลที่คุ้มค่า โดยที่เราไม่ต้องใช้เงินก้อนใดๆเพื่อไปลงทุนเลย นอกจากนี้การชำระเบี้ยประกันชีวิตยังสามารถแบ่งจ่ายได้หลายแบบ ซึ่งผลประโยชน์ที่คงที่และสม่ำเสมอตลอด ไม่มีการปรับลด เราจะได้ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
2.ประกันชีวิตให้ประโยชน์ด้านการออมเงิน
นอกจากความคุ้มครองชีวิตแล้วประกันชีวิต ยังให้ประโยชน์ทางด้านการออมเงินอีกด้วย ประกันชีวิตสามารถสร้างวินัยทางการเงินได้เป็นอย่างดี เพราะว่าการทำประกันชีวิตนั้น ผู้เอาประกันจะต้องชำระทางเบี้ยประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ ถึงจะได้ผลประโยชน์จากการทำประกันชีวิต ซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนทางการเงินในระยะยาวได้เป็นอย่างดี ซึ่งข้อดีอีกอย่างหนึ่งหากกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินระหว่างที่กรมธรรม์ยังไม่ครบสัญญา ก็สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตของคุณเองได้
3.ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีได้
ประกันชีวิตสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตมาใช้ในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท กรมธรรม์ประกันชีวิตแบบทั่วไป 25,000 บาท และเบี้ยประกันของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 200,000 บาท เรียกได้ว่าได้ผลประโยชน์แบบ 2เด้งกันเลยทีเดียว
4.ประกันชีวิตสร้างความมั่นคงให้ชีวิต
การประกันชีวิตสามารถช่วยสร้างความมั่นคงของรายได้ให้แก่ผู้เอาประกันภัยได้ ในกรณีการทำประกันคุ้มครองการเจ็บป่วย หรือการประกันอุบัติเหตุ ผู้เอาประกันภัยจะได้เงินทดแทนเพื่อใช้ในการเลี้ยงชีพในกรณีทุพพลภาพโดยสิ้นเชิงได้อีกด้วย
ทั้ง 4 ข้อนี้นับได้ว่าเป็นข้อดีของประกันชีวิต ที่นอกเหนือจากการคุ้มครองชีวิตที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่าคุ้มครองชีวิต มีเงินก้อนให้ครอบครัวได้ใช้ในเวลาไม่อยู่แล้ว ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งมุมดีของประกันชีวิต ที่บอกได้เป็นอย่างได้ว่าทุกคนควรทำประกันชีวิต หากคุณกำลังวางแผนทำประกันชีวิตดีๆ สักฉบับ เคดับบลิวไอ ประกันชีวิต เปลี่ยนประกันชีวิตให้ง่ายสำหรับคุณ มอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่องด้วยกรมธรรม์ประกันชีวิตที่หลากหลาย รับความคุ้มครองได้แบบออนไลน์ 24 ชม. สะดวก สบาย ทุกที่ทุกเวลา
[Top]4 วิธีเลือกประกันชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่าและคุ้มครองคุณ
ใครหลายคนที่กำลังมองหาประกันชีวิตไว้ ให้คุ้มครองชีวิตและเป็นหลักประกันที่มั่นคงให้ครอบครัว เรามีวิธีเลือกประกันชีวิตแบบคุ้มค่ามาฝากกันค่ะ เรียกได้ว่าอ่านจบปุ๊บ แทบจะตัดสินใจได้กันเลยทีเดียว มีวิธีไหนบ้างนั้นที่สามารถรู้ได้ว่าประกันชีวิตที่คุณสนใจนั้นคุ้มค่าและเหมาะกับคุณ มาดูไปพร้อมกันเลยค่ะ
1.บริษัทประกันก็มีความสำคัญ
บริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ ยิ่งหากมีเครือข่ายระดับโลก ย่อมมีความได้เปรียบหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของความน่าเชื่อถืออีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องมาตรฐานการเคลม การบริการ อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องการล้มละลาย และดูแลเราได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วยค่ะ
2.เช็ครีวิว ว่าเคลมง่าย ไม่ตุกติก
เรื่องการเคลมสินไหมเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนกังวลใจ ดังนั้นการเช็ครีวิวของผู้ใช้บริการเกี่ยวกับการเคลมค่าสินไหมของบริษัทประกันนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร สามารถเคลมได้ง่ายหรือไม่ เพราะหากบริษัทนั้นๆ มีเคสที่เกิดปัญหาน้อย แสดงว่าระบบการจัดการและความเที่ยงตรงของบริษัทมีประสิทธิภาพที่ดี เพื่อที่จะได้หมดกังวลเรื่องการเคลมสินไหมค่ะ
3.Service อย่ามองข้าม
ประกันภัยหลายบริษัทที่ก่อนที่เราซื้อกรมธรรม์ให้บริการดี แต่พอจ่ายเบี้ยครบแล้วมักจะติดต่อยาก การบริการหลังการขายเป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่วยตัดสินใจให้เลือกซื้อประกันได้คุ้มค่า เพราะเมื่อใดที่เกิดปัญหา โดยมีบริษัทประกันพร้อมให้บริการ ตอบคำถามข้อสงสัยได้เป็นอย่างดีและรวดเร็ว จะช่วยให้รู้สึกอุ่นใจได้มากทีเดียว เราจึงควรต้องเช็คเรื่องการบริการให้ดีค่ะ
4.เลือกบริษัทที่มีแผนประกันและเบี้ยประกันที่หลากหลาย
เพราะความต้องการและของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน จึงทำให้การเลือกทำประกันแบบไหนดี ต้องดูทั้งความต้องการและสภาพคล่องทางการเงินของแต่ละคนร่วมด้วย บริษัทประกันที่มีแผนประกันและเบี้ยที่หลากหลายมารองรับ เพื่อตอบโจทย์ทั้งความต้องการและสภาพคล่องทางการเงินของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่น่าสนใจในการตัดสินใจเลือกทำประกันชีวิตค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ กับเทคนิคการเลือกประกันชีวิตเชื่อว่า บทความนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังจะทำประกันชีวิตหรือต่อประกันชีวิต ซึ่งการทำประกันชีวิตนี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ตัวเราเอง จึงต้องศึกษารายละเอียดและรอบคอบมากเป็นพิเศษ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเราเองและผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันนะคะ หากสงสัยหรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ขอแนะนำ KWI คิงไว ประกันชีวิต ที่เปลี่ยนประกันชีวิตให้ง่ายสำหรับคุณค่ะ
รู้กันไหมว่าครอบฟันคืออะไร และมีกี่แบบ
ครอบฟัน (Dental Crowns) คือการใช้วัสดุที่ดูเหมือนซี่ฟัน สวมครอบฟันที่เกิดการเสียหายค่อนข้างมากลงไปทั้งซี่คล้ายกับการสวมหมวกทับฟันลงไป เพื่อเสริมความแข็งแรง และช่วยให้ฟันกลับมามีสภาพดูเป็นปกติ โดยก่อนที่จะทำการครอบฟันทุกครั้ง ทันตแพทย์จะมีการเช็ครากฟันและโพรงประสาทฟันสมบูรณ์ว่ามีความสมบูรณ์ดี ไม่มีการอักเสบ เพราะหากรากฟันไม่สมบูรณ์อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ฟันโยก ไม่แข็งแรง ครอบฟันหลุดได้ ครอบฟันหน้ามี 5 แบบด้วยกันดังนี้
1.ครอบฟันโลหะล้วน (Full Metal Crown: FMC) การครอบฟันในแบบนี้จะมีความแข็งแรงมากที่สุด เหมาะสำหรับการครอบฟันกราม เพราะเกิดการแตก หัก บิ่น ได้ยาก แต่ก็มีข้อเสียคือ สีไม่เหมือนฟันจริงและในการทำต้องกรอเนื้อฟันออกเป็นจำนวนมาก
2.ครอบฟันเซรามิกล้วน (All-ceramic crown: ACC) การครอบฟันในแบบนี้ มีความสวยงามและใกล้เคียง ธรรมชาติมากที่สุด มีความสวยงามเลียนแบบลักษณะฟันได้หลากหลาย แต่ก็มีข้อเสีย ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน โดยการครอบฟันแบบนี้มีโอกาสที่แตก หัก บิ่นได้ง่ายกว่าแบบโลหะล้วน ซึ่งการครอบฟันแบบเซรามิกล้วน แบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ 1. ครอบฟันเซรามิกล้วนแบบแก้วเซรามิก (All-resin crown) การครอบฟันเซรามิกประเภทนี้ เป็นการครอบฟันที่สวยงาม เหมือนฟันธรรมชาติที่สุด ความแข็งแรงระดับปานกลาง เหมาะกับฟันหน้าและฟันกรามน้อย 2.ครอบฟันเซรามิกล้วนแบบแก้วเซรามิก (All-resin crown) เป็นครอบฟันที่สวยงาม เหมือนฟันธรรมชาติที่สุด ความแข็งแรงระดับปานกลาง เหมาะกับฟันหน้าและฟันกรามน้อย
3.ครอบฟันโลหะเคลือบเซรามิก (Porcelain-fused-to-metal crown: PFM) การเคลือบฟันในแบบนี้มีความแข็งแรงปานกลาง ข้อเสียคือ แม้จะมีโครงเป็นโลหะแต่เซรามิกที่เคลือบก็ยังคงแตก หัก บิ่นได้ง่าย
4.ครอบฟันเรซินล้วน (All-resin crown) ทำจากวัสดุเรซินล้วนที่คล้ายกับพลาสติก มีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับครอบฟันชนิดอื่น มีความแข็งแรงปานกลาง แต่มีโอกาสแตกหักได้ง่ายกว่าครอบฟันชนิดอื่น จึงมักใช้เป็นครอบฟันชั่วคราวระหว่างการรักษา
5.ครอบฟันเหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel Crown: SSC) ครอบฟันแบบสีไม่สวยไม่เหมือนธรรมชาติ สังเกตเห็นได้ง่ายว่าสวมครอบฟันอยู่ แต่ข้อดีคือไม่ต้องไปพบทันตแพทย์หลายครั้ง จึงเหมาะสำหรับสวมฟันน้ำนมเด็ก
โดยสรุปแล้วการครอบฟันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่มีปัญหาฟันผุ ที่เกินกว่าการรักษาด้วยการอุดฟัน มีข้อดีก็คือช่วยเสริมฟันให้แข็งแรง ให้กลับมาใช้งานได้ปกติ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการครอบฟันจะช่วยให้ฟันแข็งแรงขึ้น แต่ก็มีโอกาสทำให้ฟันเสียหายได้เช่นกัน สำหรับท่านใดที่สนใจการทำครอบฟัน และต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ทันตกรรม PMDC เพื่อประกอบการตัดสินใจทำได้เลยนะคะ
[Top]One day trip เที่ยวกรุงเทพเดินทางสะดวกด้วยบีทีเอส
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์แบบนี้ หากใครที่ยังไม่มีแพลนไปเที่ยวไหน เราจะพาทุกคนไปเที่ยวในกรุงเทพ การเดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสมีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย ยังสะดวกด้วยมีรถไฟฟ้าให้บริการครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่แล้วบอกเลยว่าคุณจะได้ที่เที่ยวถ่ายรูปใหม่ๆ แบกกล้องคู่ใจแล้วไปเที่ยวกันได้เลยค่ะ
Street Art ราชเทวี สถานีรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี
เริ่มต้นกันด้วยที่แรก เอาใจคนรักการถ่ายภาพแนวสตรีทอาร์ต แม้ในกรุงเทพฯ จะมีสถานที่ถ่ายรูปแนวนี้อยู่เพียบ แต่มีอยู่หนึ่งจุดเช็คอินหนึ่งที่เราว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย อย่างที่แถวBTS ราชเทวี จากเดิมสถานที่ตรงบริเวณนี้เคยเป็นที่รกร้างมากก่อน แต่ล่าสุดได้เนรมิตใหม่ วาดลวดลายศิลปะ แนวสตรีทตามฝาผนัง บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งจุดในกรุงเทพฯ ที่ไม่ควรพลาด
สวนวชิรเบญจทัศ (จตุจักร) สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต
ไปกันต่อกับอีกหนึ่งที่เที่ยวกรุงเทพ แนวป่าในกรุง ฟีลธรรมชาติ ที่เราอยากจะแนะนำไปนั่งสูดอากาศเย็นๆ ก็คือ สวนวชิรเบญจทัศ หรือที่เราเรียกกันว่าสวนรถไฟ นั่นเอง บอกเลยว่านอกจากกิจกรรมปั่นจักรยานเล่นรอบสวนแล้ว ที่นี่ก็ยังมุมถ่ายรูปสวยๆ คล้ายสวนสาธารณะประเทศอังกฤษกันเลยทีเดียว
เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ สถานีรถไฟฟ้า BTS สะพานตากสิน
เปลี่ยนฟีลชวนกันไปถ่ายรูปตอนดึกกันบ้างดีกว่า เ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเปิดตั้งแต่ตอนกลางวัน มีร้านอาหารมากมายให้เลือกนั่งชิล แต่ไฮไลท์หลักๆ แทบทั้งหมดของที่นี่จะอยู่ในโหมดกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นชิงช้าที่สูงเว่อร์ๆ ชมวิวกรุงเทพ หรือการมานั่งสังสรรค์แฮงค์เอาท์ ต้องบอกเลยว่าที่ตอนกลางคืนถ่ายรูปสวยเช่นกันนะ จัดมุมองศาดีๆ ไม่ว่าจะหันหลังให้ชิงช้า หรือริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ดูดีไปหมด
ตลาดนัดจตุจักร สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต
สำหรับสายที่ชอบเดินเที่ยวชิล ๆ ช้อปปิงเพลินๆ ขอแนะนำ “ตลาดนัดจตุจักร” ที่เที่ยวติด BTS อยู่ไม่ไกลจาก BTS หมอชิต เท่าไรนัก โดยเฉพาะช่วงวันหยุด ที่เที่ยวในกรุงเทพฯแห่งนี้จะเต็มไปด้วยร้านมากมาย ทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า หรือสายกรีนอาจจะลองไปเดินซื้อต้นไม้ที่ตลาดนัดจตุจักร บอกเลยว่า เดินไปกระเป๋าตังค์สั่นไปแน่นอน และที่สำคัญมีร้านเด็ด ๆ ให้ไปกินอีกเพียบ
แต่ละเส้นทางของรถไฟฟ้าบีทีเอสมีสถานที่ที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป หวังว่าจะมีสักเส้นทางที่โดนใจใครหลายคนกันบ้าง นับว่าเป็นอีกทางเลือกของการพาตัวเองไปพักผ่อนในกรุงเทพฯ แถมยังประหยัดเวลาในการเดินทางอีกด้วย ซึ่งทางรถไฟฟ้าบีทีเอสก็ได้มีโปรโมชั่นใหม่ยิ่งเดินทางมากก็ยิ่งได้พ้อยท์มาก มอบสิทธิพิเศษคือ ใช้จ่าย ค่าตั๋ว btsราคาที่ลงถูกกว่าการใช้เงินสดได้ เที่ยวเดินทางต่อสัปดาห์จะถูกคํานวณเป็นคะแนนสะสม เริ่มต้นที่ 4 เที่ยว/สัปดาห์เท่ากับ 150 พอยท์ จะต้องเดินทางผ่านเส้นทางสายสุขุมวิท (สถานีหมอชิตถึงสถานีอ่อนนุช) และ/หรือ เส้นทางสายสีลม (สถานีสนามกีฬาแห่งชาติถึงสถานีสะพานตากสิน) นับตั้งแต่สถานีแรกเข้า อย่างน้อย 5 สถานีต่อเที่ยว สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่นได้ที่ https://www.bts.co.th/promotion/bts-challenge.html
[Top]