เมนูอาหารสำหรับเด็กไม่กินผัก
ปัญหาหนักอกหนักใจของคุณแม่หลายคนในปัจจุบันคงหนี้ไม่พ้น ลูกน้อยไม่ยอมกินผัก เบื่ออาหาร งอแงไม่ยอมกินข้าว ทำให้คุณแม่กังวลกลัวลูกจะได้รับสารอาหารไม่ครบ ยิ่งถ้าเป็นอาหารเด็กคุณแม่คงต้องหาวิธี หาเมนูที่ทำให้ผักที่อยู่ในอาหารน่ากินและมีรสชาติอร่อย ถูกปากถูกใจลูกน้อย เราจึงมาแนะนำเมนูอาหารสำหรับเด็กไม่กินผักมาฝาก จะทำให้การกินผักของลูกน้อยง่ายขึ้น อะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลยค่ะ
เมนูที่ 1
แกงจือลูกชิ้นกุ้ง วัตถุดิบ – ลูกชิ้นกุ้ง – หัวหอมใหญ่สับ – ถั่วลันเตา – แครอทหั่นเต๋า – สาหร่ายหั่นฝอย – น้ำซุป
วิธีทำ – ต้มน้ำซุปจนเดือด ใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไปต้มจนผักนิ่ม ใส่ลูกชิ้นกุ้งลงไปต้ม และปรุงรสตามชอบ ปิดท้ายด้วยใส่สาหร่ายหั่นฝอย
เมนูที่ 2
ซุปฟักทอง วัตถุดิบ – เนย – หอมหัวใหญ่ปั่นเป็นชิ้นเล็กๆ – ฟักทองต้มหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ – น้ำซุป – เกลือ – พริกไทย-นมสด
วิธีทำ – ผัดเนยกับหัวหอมที่ปั่นไว้จนหัวหอมเริ่มนิ่ม สุกใส ใส่ฟักทองต้มหั่นไว้ลงไปผัด แล้วเต็มน้ำซุปลงไป เคี่ยวให้ฟักทองสุกนิ่ม ปรุงรสด้วยเกลือ และพริกไทยเล็กน้อย แล้วนำฟักทองที่เคี่ยวไว้กับน้ำซุปไปปั่นจนละเอียด แล้วนำส่วนผสมเทลงหม้อตั้งไฟอีกครั้งให้ซุปพอสุกอีกรอบ จากนั้นปิดไฟ แล้วเต็มนมสดลงไปผสมให้ซุปข้นขึ้น เสริมด้วยขนมปังอบกรอบ
การจะทำให้ลูกกินอาหารที่มีผักเป็นส่วนผสม นอกจากเมนูอาหารสำหรับเด็กแล้ว การแต่งเต็มสีสันในจานโปรด รสชาติอาหารที่อร่อย หรือสร้างแรงจูงใจให้ลูกน้อยอาจมีส่วนช่วยในการทำอาหาร ให้ลูกเลือกเมนูที่อยากทาน อาหารสำคัญต่อการพัฒนาการของเด็กเป็นอย่างมาก คุณแม่ต้องใส่ใจเลือกอาหารตั้งแต่เริ่มแรก อย่างน้ำซุปสำเร็จรูปหอมกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเด็ก 6 เดือน 8 เดือน หรือเด็กที่โตแล้วก็สามารถทานได้ เพราะมีสารอาหารครบถ้วน ทั้งนี้ยังสามารถนำน้ำสต๊อกหอมกรุ่นไปใช้ประกอบการทำอาหารให้สำหรับเด็กอีกด้วย รับรองว่าอร่อย และสารอาหารครบถ้วน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ น้ำสต๊อกเด็ก
ถนอมสายตาให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียเงินกับเลสิก
ทุกวันนี้ ใครหลายคนต้องใช้แทบเล็ต สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระหว่างนั่งรถโดยสาร ทำงาน เรียน หรือแม้แต่การพักผ่อนก็ยังจ้องหน้าจออุปกรณ์เหล่านี้อยู่ จนอาจทำให้สายตาเสียได้ วันนี้เลยมีวิธีถนอมสายตามาฝาก จะได้ไม่ต้องเสียเงินเลสิคเพื่อรักษา ว่าแต่จะมีวิธีไหนบ้างนั้น มาดูกันครับ
- กระพริบตาให้ถี่ขึ้น เพราะการจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟน แทบเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ เป็นเวลานานๆ อัตราการกระพริบตาจะลดลง 20 – 22 ครั้งต่อนาที เหลือแค่เพียง 6 – 8 ครั้งต่อนาที ถ้าหากกระพริบตาน้อยอาจทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ ฉะนั้นควรกระพริบตาให้บ่อยขึ้น ไม่เช่นนั้นสายตาเสียจนต้องทำเลสิกแน่
- วางตำแหน่งคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม โดยให้มีระยะห่างระหว่างตัวเรากับจอภาพประมาณ 50 – 70 ซม. ให้ระดับจอภาพอยู่ในระดับสายตาประมาณ 4 – 9 นิ้ว ไม่ควรให้จออยู่สูงหรือต่ำเกินไป สายตาจะได้ไม่เสีย จนต้องเสียเงินทำเลสิค
- ใส่แว่นกรองแสงขณะจ้องหน้าจอคอมเป็นเวลานาน เพราะจะช่วยทำให้รู้สึกสบายตาขึ้นเมื่อต้องอยู่หน้าจอคอม โดยเป็นแว่นที่เคลือบด้วยวัสดุที่สามารถป้องกันแสงสีฟ้า ช่วยถนอมสายตาเรา ให้ไม่ต้องมารักษาด้วยเลสิก
- ควรพักสายตาทุกๆ ชั่วโมง อาจจะเป็นการลุกออกมาสูดอากาศจากที่นั่งจ้องจอคอมเป็นเวลานานๆ แล้วค่อยกลับมานั่งหน้าจอใหม่ พอนั่งไปได้นานพอสมควร ก็ลุกเดินพักสายตา สายได้จะได้ไม่มีปัญหาจนต้องพึ่งเลสิค
- ควรตรวจสุขภาพตาปีละครั้ง เพื่อตรวจเช็คจอประสาท วัดความดันตา และตรวจความผิดปกติอื่นๆ ทางด้านสายตา เพราะถ้าพบว่าเรามีปัญหาสายตาจะได้รีบแก้ ไม่เช่นนั้นต้องเสียเงินเลสิก
การถนอมสายตาจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากปัญหาสายตาต่าง ๆ ทำให้ไม่ต้องเสียเงินทำเลสิก แต่ถ้าหากใครอยากแก้ปัญหาสายตาด้วยการทำเลสิก ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาสายตาได้อย่างรวดเร็วทันใจ ขอแนะนำที่ศูนย์ทำเลสิคครบวงจร Laser Vision ที่มีแพทย์ผู้เขี่ยวชาญการทำเลสิคโดยเฉพาะ คุณจะมั่นใจได้ว่าทำเลสิก สายตาคุณจะกลับมามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง
[Top]ประกันออมทรัพย์ ประกันที่ไม่ควรมองข้าม
คนจำนวนมากสนใจในการทำประกันชีวิตพราะอยากมีประกันไว้สักฉบับเพื่อเพิ่มความมั่นคง แล้วยังได้ความคุ้มครองแถมมาด้วย แต่อีกหลายเสียงก็มักชอบพูดว่าการทำประกันก็เหมือนจ่ายเบี้ยกินเปล่าทิ้งไปทุกปี ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นประกันออมทรัพย์ที่มีทั้งความคุ้มครองและเงินออมในกรมธรรม์ด้วย มาเป็นคู่แบบนี้แล้วจะดีหรือไม่ เราควรต้องมีติดตัวไว้บ้างหรือเปล่า มาลองดูกันค่ะ
ประกันออมทรัพย์คืออะไร
ประกันออมทรัพย์ คือ ประกันที่ออกแบบมาให้ผู้ถือกรมธรรม์ออมเงิน พร้อมกับมีความคุ้มครองแถมมาด้วย ซึ่งการออมเงินจะจ่ายเงินคืนตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ในสัญญา โดยมีทั้งแบบเป็นรายงวด และแบบเป็นก้อนใหญ่ทีเดียวเมื่อครบสัญญา หรือถ้ากรณีที่ผู้ถือกรมธรรม์เสียชีวิตระหว่างสัญญา (ระหว่างส่งกรมธรรม์ประกันชีวิต) ก็จะได้รับเงินที่เรียกว่าจำนวนเงินเอาประกัน (แล้วแต่แบบประกัน บางแบบอาจบวกเพิ่มให้อีกเท่าหนึ่งของทุนประกัน เมื่อเจ้าของกรมธรรม์เสียชีวิต
ข้อดี ของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
- เห็นจำนวนเงินที่จะได้แบบชัดเจน
การซื้อประกันออมทรัพย์นั้นข้างปลอดภัย เพราะไม่ต้องกังวลกับสภาพเศรษฐกิจ ว่าจะดีหรือร้าย และจะมาทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับลดลง เนื่องจากการทำประกันแบบสะสมทรัพย์จะกำหนดทั้งเบี้ยที่ต้องชำระในแต่ละงวด ทุนประกันคุ้มครอง และผลประโยชน์ที่ผู้ถือกรมธรรม์จะได้ในแต่ละปี - ได้ความคุ้มครองชีวิต
เพราะชื่อว่า “การทำประกันชีวิต” จึงทำให้มีเงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตลง ถือเป็นเงินที่สามารถช่วยเยียวยาครอบครัวได้ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา อย่างน้อยก็ช่วยในการตั้งรับกับความสูญเสียได้ดีกว่าแบบที่ไม่มีอะไรเลย - ช่วยดูแลลูกแทน
เบี้ยประกันจะคำนวณจากอายุของผู้ปกครอง อายุลูก ระยะเวลาการชำระเบี้ย แล้วพ่อหรือแม่เสียชีวิต เกิดเหตุทุพพลภาพ ทางบริษัทก็จะส่งกรมธรรม์ฉบับนั้นแทน แต่ตัวผู้ถือกรมธรรม์ (ลูก) ก็ยังจะได้ผลประโยชน์ตอบแทน - ไม่ต้องเสียภาษี
การออมเงินในการทำประกันแบบสะสมทรัพย์นั้นไม่จำต้องเสียภาสีแตตกต่างจากการออมในธนาคาร ที่ต้องเสียภาษี - ช่วยลดหย่อนภาษีได้
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์หรือประกันออมทรัพย์ที่มีอายุกรมธรรม์มากกว่า 10 ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถลดหย่อนภาษี ได้สูงสุดจำนวนเงินไม่เกิน 100,000 บาท
สำหรัลใครที่กำลังสนใจทำประกันชีวิตแยยสะสมทรัพย์ เราก็ขอแนะนำ ประกันชีวิตออนไลน์ จาก คิง ไว ประกันชีวิต ประกันที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า พร้อมเบี้ยประกันแบบสบายๆ เพิ่มความคุ้มค่ากับการออมทรัพย์พร้อมความคุ้มครอง ต่อเนื่องสูงสุดถึง 18 ปี เพิ่มค่าเงินออมให้คุณได้บริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพ สิทธิประโยชน์ในการรับเงินคืนอย่างต่อเนื่องทุกปี ยิ่งถือนานยิ่งคุ้มค่ากับเงินคืนและความคุ้มครองที่มากค่าขึ้น พร้อมเงินคืนครบกำหนดก้อนใหญ่เมื่อครบสัญญา แบบประกันแบบเดียวที่พร้อมคุ้มครองการเก็บออมของคุณเพื่อครอบครัวและคนที่คุณรัก สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kwilife.com/
[Top]ฟอกฟันได้ง่ายๆ รวดเร็วทันใจคุณ
ทุกคนก็อยากมีฟันที่ขาวสะอาด แบบไม่มีคราบสีเหลืองตามฟัน หลายคนก็มีความคิดอยากจะฟอกฟันขาว แต่ก็กลัวว่าจะยุ่งยาก วันนี้เราจะมาบอกวิธีการฟอกสีฟันตั้งแต่ก่อนการฟอกฟันไปจนจบกระบวนการว่าไม่ได้ยุ่งยากอยากที่หลายคนคิดไว้
ก่อนทำการฟอกสีฟันนั้น ทันตแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์สภาพฟันพร้อมทั้งประเมินสีของฟันว่าเหมาะกับการฟอกฟันขาวหรือไม่ ถ้าวิเคราะห์แล้วว่าสามารถฟอกฟันได้ ทันตแพทย์จะเช็คสุขภาพในช่องปาก ว่ามีฟันผุมั้ย มีอาการเสี่ยวฟันมั้ย ถ้ามีฟันผุก็ต้องทำการอุดฟันซะก่อน เพราะจะต้องไม่มีการรั่วซึม จากนั้นทำการขูดหินปูน ขัดฟัน เพื่อทำความสะอาดผิวฟัน เพื่อน้ำยาฟอกสีฟันจะได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อจัดการฟันพร้อมสำหรับการฟอกฟันขาวแล้ว ทันตแพทย์จะทำการเทียบสีฟันว่าฟันของคนไข้เป็นเฉดสีไหน จากนั้นทาเจลเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาฟอกฟันขาวโดนเหงือกและเนื้อเยื้ออ่อน และเป่าฟันให้แห้ง จากนั้นเริ่มป้ายน้ำยาฟอกสีฟันลงบนผิวของหน้าฟัน
ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการฉายแสงสีฟ้าลงบนฟัน เพื่อกระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกฟันให้กัดคราบสีที่เกาะบนผิวฟันให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแสงสีฟ้าสามารถควบคุมความร้อนและความเข้มของแสงเพื่อปรับให้เหมาะซึ่งจะช่วยลดอาการเสี่ยวฟันขณะฟอกฟันขาวได้ การฟอกฟัน 1 ครั้ง จะเปลี่ยนน้ำยาและฉายแสงประมาณ 2-4 รอบ รอบละประมาณ 15 นาที และมีการดูดน้ำลายและน้ำยาเก่าออกทุกครั้ง รวมแล้วใช้เวลาในการฟอกสีฟัน 45-60 นาที เป็นอันเสร็จขั้นตอนการรักษา
จากทั้งหมดที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นสำหรับวิธีการฟอกฟันซึ่งใช้เวลาไม่นานและวิธีการรักษาไม่ได้ยุ่งยาก หากคุณสนใจอยากมีฟันขาวด้วยการฟอกสีฟันแนะนำที่ ศูนย์ทันตกรรมเพื่อความงาม PMDC
[Top]
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ สำคัญและจำเป็นอย่างไร
สำหรับหน้าที่ของคนที่มีรถยนต์หรือรถจักรยานเป็นของตนเอง ก็คือการทำประกันภัยรถยนต์ ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภท คือประกันรถยนต์ภาคบังคับ และ ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ หรือที่เรารู้กันกันดีในชื่อ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 นั้นเอง โดยในวันนี้เราจะมาขอเล่าถึงประกันรถยนต์ภาคสมัครใจกันครับ
ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ
คือการทำประกันรถยนต์ ที่คุณสามารถซื้อเพิ่มเติมได้ นอกเหนือจากประกันรถยนต์ภาคบังคับที่คนมีรถยนต์ทุกคนจะต้องซื้อ ซึ่งในการซื้อประกันรถยนต์ภาคสมัครใจนั้น ก็จะมีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภท โดยที่แต่ละประเภทนั้นความคุ้มครองที่ผู้ทำประกันรถยนต์ได้รับก็จะแตกต่างกันออกไป อีกทั้งการทำประกันรถยนต์จะให้วงเงินคุ้มครองที่สูงกว่าแบบภาคบังคับ และการคุ้มครองความเสียหายที่ครอบคลุมมากกว่า จึงทำให้การซื้อประกันรถยตร์แบบสมัครใจกลายมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่หลายคนมักจะนิยมทำเพื่อป้องกันความเสียหายและค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ โดยในการทำประกันรถยนต์จะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 1 , ประกันรถยนต์ ชั้น 2 , ประกันรถยนต์ชั้น 3
ประกันรถยนต์ชั้น 1
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เรียกได้ว่าเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ครบครันที่สุด ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุการชน รถคว่ำ ไฟไหม้ การโจรกรรม และความคุ้มครองในส่วนของอุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ รวมถึงความเสียหายต่อบุคคลที่สาม และเป็นประกันที่มีวงเงินคุ้มครองสูงที่สุด
ประกันรถยนต์ ชั้น 2
ประกันรถยนต์ชั้น 2 ประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ครบครันสำหรับรถของคุณจากเหตุการณ์ไฟไหม้หรือโจรกรรม อีกทั้งยังให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ และหลักทรัพย์ในการประกันตัว และความเสียหายที่เกิดแก่บุคคลที่สาม
ประกันรถยนต์ชั้น 3
ประกันรถยนต์ชั้น 3 ประกันภัยรถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองที่ครบครันสำหรับความเสียหายและอุบัติเหตุแก่บุคคลที่สาม รวมถึงความคุ้มครองต่อผู้ขับและผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุส่วนบุคคล และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นๆ
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า การทำประกันรถยนต์ แบบภาคสมัครใจ นอกจากจะให้ความคุ้มครองที่เพิ่มเติมขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับรถยนต์ของคุณ และสำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ชั้น 1 อยู่แล้วละก็ เราขอแนะนำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 AIG ผู้นำด้านประกันรถยนต์ ที่ตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ได้ดีที่สุด ความคุ้มครองที่ครบครันและรอบด้านมากที่สุด สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ประกันรถยนต์ชั้น 1 AIG