Month: July 2024

ปัญหาผิวแบบใดเหมาะกับการฉีด Radiesse

ปัจจุบันหัตถการงานผิวที่ช่วยเสริมความงามนั้นมีมากมาย ช่วยตอบโจทย์การแก้ปัญหาให้กับผิวได้อย่างตรงจุด Radiesse เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความสนใจ ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและเติมเต็มร่องลึกให้กับผิว โดยทั่วไปแล้ว Radiesse เหมาะกับกลุ่มคนประเภทที่มีปัญหาผิวดังต่อไปนี้

ผู้ที่มีริ้วรอยและร่องลึก
-เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และริ้วรอยรอบปาก ที่ต้องการเติมเต็มให้ดูเรียบเนียนขึ้น

ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า
-เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงโครงหน้า เช่น เสริมคาง เสริมขากรรไกร หรือเติมแก้มให้ดูมีวอลลุ่ม
ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
-เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังเพื่อให้ผิวดูกระชับและยืดหยุ่นขึ้น

ผู้ที่มีสภาพผิวที่หย่อนคล้อย
-เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยหรือผิวที่ขาดความยืดหยุ่น เช่น ผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้นหรือผิวที่เสื่อมสภาพจากแสงแดด

ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
-เรเดียสซ์มีลักษณะเป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักคือแคลเซียมไฮดรอกซีลาพาไทต์ ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและไม่แข็งเหมือนสารเติมเต็มบางประเภท

ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน
-เรเดียสซ์มีความสามารถในการคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาหลังการฉีด

ข้อควรพิจารณา
• สุขภาพโดยรวม: ผู้ที่มีสุขภาพดีและไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการฉีดฟิลเลอร์ เช่น โรคภูมิแพ้ หรือการแพ้สารบางชนิด
• การปรึกษาแพทย์: การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดเพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสม รวมถึงการตรวจสอบประวัติการแพ้ยาและสารต่างๆ
• การคาดหวังผลลัพธ์: ผู้ที่มีความคาดหวังที่เป็นไปได้และเข้าใจว่าการฉีดเรเดียสซ์สามารถช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์แต่ไม่สามารถแก้ไขทุกปัญหาผิวได้ทั้งหมด

การทำความเข้าใจกลุ่มคนที่เหมาะสมกับการฉีดเรเดียสซ์และการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การฉีด Radiesse เป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ หากคุณสนใจวิธีการดูแลผิวด้วย Radiesse สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่อิสสวีร์คลินิกกันก่อนได้เลยนะคะ

รากเทียมช่วยทดแทนฟันที่สูญเสียไปได้อย่างไร

การสูญเสียฟันไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ การติดเชื้อ หรือโรคฟันผุ สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพปากและความมั่นใจของเรา การทดแทนฟันที่สูญเสียไปด้วยรากเทียมเป็นวิธีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการคืนความสวยงามและการใช้งานของฟันในช่องปาก มาดูกันว่ารากเทียมช่วยทดแทนฟันที่สูญเสียไปได้อย่างไรค่ะ

รากเทียมคืออะไร
รากเทียม (Dental Implant) คือวัสดุที่ทำจากไทเทเนียมหรือเซรามิกที่ใช้ฝังลงไปในกระดูกขากรรไกรเพื่อทำหน้าที่เป็นรากฟันเทียม รากเทียมจะเชื่อมต่อกับกระดูกขากรรไกรอย่างแน่นหนาและสามารถรองรับฟันปลอมที่ทำขึ้นมาเฉพาะบุคคลได้

ขั้นตอนการติดตั้งรากเทียม
การวินิจฉัยและการวางแผนการรักษา: ทันตแพทย์จะตรวจสอบสภาพปากและฟันของผู้ป่วย และใช้ภาพถ่าย X-ray หรือ CT scan เพื่อวางแผนการฝังรากเทียมอย่างละเอียด

การฝังรากเทียม: ขั้นตอนนี้จะเริ่มด้วยการฝังรากเทียมลงในกระดูกขากรรไกร ผ่านการผ่าตัดเล็ก โดยใช้ยาชาหรือยาสลบเพื่อความสะดวกสบายของผู้ป่วย

การรอการเชื่อมต่อ: ระยะเวลาที่รากเทียมเชื่อมต่อกับกระดูกขากรรไกรอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับสภาพกระดูกของผู้ป่วย

การติดตั้งฟันปลอม: เมื่อรากเทียมเชื่อมต่อกับกระดูกเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะทำการติดตั้งฟันปลอมที่ทำขึ้นมาเฉพาะบุคคล

ประโยชน์ของรากเทียม
เพิ่มความมั่นใจ: รากเทียมช่วยให้ฟันดูเป็นธรรมชาติและสามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจ
ปรับปรุงการเคี้ยวอาหาร: รากเทียมมีความแข็งแรงและเสถียร ทำให้การเคี้ยวอาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
รักษากระดูกขากรรไกร: การฝังรากเทียมช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูกขากรรไกรและป้องกันการสลายตัวของกระดูก
เพิ่มความสะดวกสบาย: รากเทียมมีความทนทานและไม่ต้องการการดูแลที่ซับซ้อนเหมือนฟันปลอมแบบถอดได้
การดูแลรักษารากเทียม
การทำความสะอาด: ทำความสะอาดฟันและรากเทียมอย่างละเอียดด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน
การตรวจสุขภาพปากและฟัน: ควรไปพบแพทย์เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่ารากเทียมและฟันปลอมยังอยู่ในสภาพดี
หลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็ง: ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งเช่น กระดูก หรืออาหารที่มีความเหนียวมาก

ผู้อ่านท่านใดที่มีความสนใจ อยากเข้ารับการทำรากเทียม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ทันตกรรมตกแต่งเพื่อความงาม PMDC ครบวงจร ที่พร้อมดูแลคุณโดยทันตแพทย์มากประสบการณ์หลายท่าน ติดตามผลการรักษาอย่างใส่ใจ พร้อมมอบรอยยิ้มที่มั่นใจให้กับคุณค่ะ

[Top]